
ไซคี (อังกฤษ: Psyche) เป็นชื่อชายาของกามเทพคิวปิด เดิมนางกำเนิดเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์กรีกโบราณ ถึงแม้เป็นเพียงสาวชาวมนุษย์ ทว่ามีสิริโฉมที่งดงามจนเอาชนะวีนัส เทพีแห่งความงามได้ เจ้าหญิงไซคีมีพระพี่นางสองพระองค์ ซึ่งอิจฉาริษยาน้องนางของตนอย่างเข้ากระดูกดำ เพราะพวกนางมีความงามทั้งกายใจที่สู้ไซคีไม่ได้ อีกทั้งพระบิดามารดาและเหล่าประชาชนก็รักเจ้าหญิงไซคีมากกว่าพวกตนอีกด้วย
โชคชะตาขององค์หญิงผู้เลอโฉมองค์นี้ได้เปลี่ยนไป เมื่อความสวยหยาดฟ้าดินของนางเกิดไปสร้างความเจ็บแค้นให้เทพีวีนัสอย่างมาก เพราะประชาชนชาวกรีกต่างเอาใจออกห่างไม่บวงสรวงบูชาพระนางอย่างดีเหมือนเก่าก่อน เหตุก็เพราะไปชมโฉมเจ้าหญิงไซคีกันหมด เทพีวีนัสพิโรธมากเมื่อมีหญิงที่งามกว่าตน พระนางจึงคิดวางแผนทำลายล้างเจ้าหญิงไซคีทันที
แผนการที่ว่าก็คือ ให้กามเทพคิวปิด โอรสของพระนางเองไปยิงศรความรักให้นางไซคีหลงรักชายชั่วเลวทรามที่สุดในแผ่นดินสักคนหนึ่ง หรือไม่ก็อสุรกายที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุด เพื่อให้เจ้าหญิงไซคีต้องทุกข์ทรมาน กามเทพคิวปิดเกิดความสงสารทว่าไม่เคยขัดบัญชามารดา จึงจำใจบินไปยังตำหนักที่ประทับขององค์หญิงไซคีโดยมีลูกศรความรักอยู่ในมือ
แต่เพียงแว่บแรกที่กามเทพหนุ่มได้มองเจ้าหญิงชาวมนุษย์ซึ่งกำลังหลับอยู่อย่างสบาย มือที่รั้งคันศรเตรียมยิงก็ชะงักลง คิวปิดตกอยู่ในภวังค์ชมโฉมไซคีอย่างหลงใหล เนิ่นนานจนลืมหน้าที่ของตน กระทั่งนางไซคีพลิกตัว คิวปิดสะดุ้งตกใจจนลูกศรความรักแทงเข้าถูกตนเองอย่างจัง!
กลับกลายเป็นว่า คิวปิดหลงรักไซคีจนหมดใจ ถึงพยายามตัดใจแต่ก็ไม่อาจต่อต้านฤทธิ์ลูกศรแห่งความรักได้ กามเทพหนุ่มเก็บความรู้สึกที่มีไว้เพราะถ้าหากมารดาของตนรู้ว่าเขาคิดเช่นไรกับไซคี เจ้าหญิงองค์นี้คงไม่ปลอดภัยแน่นอน คิวปิดไปขอร้องเหล่าทวยเทพให้ช่วยเหลือตนด้วย ซึ่งเหล่าเทพโอลิมปัสก็เห็นใจในความรักของคิวปิด จึงได้ช่วยเหลืออย่างลับๆโดยไม่ให้เทพีวีนัสล่วงรู้
แผนการณ์อันดับแรกของกามเทพได้เริ่มขึ้น โดยการป้องกันไม่ให้ผู้ใดมาสู่ขอไซคี เหล่าผู้คนคิดว่านางงดงามจนไม่คู่ควรกับมนุษย์ จึงไม่มีชายใดกล้าไปสู่ขอเจ้าหญิงไซคี กระทั่งวันเวลายิ่งผ่านไป พระพี่นางที่งดงามน้อยกว่าก็ต่างออกเหย้าออกเรือน ทิ้งไว้เพียงน้องนางองค์เล็กสุดที่เปล่าเปลี่ยวไร้คู่ครอง พระบิดาพระมารดาของไซคีวิตกกังวลมาก จึงไปขอคำทำนายจากวิหารเดลฟี ซึ่งเป็นวิหารขององค์เทพอพอลโล เทพอพอลโลนั้นก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเทพที่ช่วยเหลือคิวปิดอยู่ จึงบอกคำทำนายผ่านร่างทรงไปว่า 'คู่ครองของเจ้าหญิงไซคีมิใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นอสุรกายน่าเกลียดน่ากลัวที่มีฤทธิ์เดชมากมาย ไม่มีเทพองค์ใดสามารถต้านทานได้ ขณะนี้คู่ครองของไซคีรออยู่ที่ยอดเขา และห้ามนางมองรูปโฉมของสามีเป็นอันขาดในตลอดเวลาที่อยู่กินกัน'
คำทำนายนั้นราวกับเป็นคำสาปที่ทำให้ประชาชนชาวกรีกต้องร่ำไห้โศกเศร้าในโชคชะตาอันโหดร้ายของเจ้าหญิงอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะไซคีเอง แต่นางปลงในโชคร้ายของตนและยอมที่จะแต่งงานกับอสุรกายตามคำทำนายที่ว่าไว้
ขบวนส่งตัวเจ้าสาวที่ประดิดประดอยอย่างสวยงามดังระงงมไปด้วยเสียงร้องไห้ของเหล่าปวงประชา เจ้าหญิงไซคีในชุดเจ้าสาวใบหน้าซีดเผือดไร้ซึ่งความสุข พระบิดามารดาต้องโทมนัสอย่างมากมายที่พระธิดาที่รักที่สุดต้องประสบพบเคราะห์เช่นนี้ เมื่อขบวนอันงดงามไปถึงยอดเขา เหล่าผู้คนก็ต้องจำใจทิ้งไซคีไว้ผู้เดียวเพื่อให้เจ้าบ่าวเป็นฝ่ายมารับตัว
เจ้าหญิงไซคีรอคอยการมาของว่าที่สามีด้วยความหวั่นกลัว และแล้วก็มีผู้มารับนาง ทว่าผู้นั้นคือ เทพแห่งลมตะวันออก เซฟิโรส (เชื่อกันว่าลมตะวันออกเป็นลมที่พัดพาคู่รักให้ได้พบเจอกัน) เทพแห่งลมได้รับคำสั่งจากคิวปิด จึงได้บรรจงพัดพาเอาร่างของเจ้าหญิงไซคีบินข้ามผ่านหุบเหวลึกจนไปถึงตำหนักงดงามเพรียบพร้อมราววิมานสวรรค์ มีทั้งสวนสวย น้ำพุสะอาด อาหารโอชะ และที่พักอาศัยที่งดงามเสียยิ่งกว่าวังที่จากมา แต่ตลอกเวลากลางวันนางก็ยังไม่พบเจ้าบ่าวของนาง
คิวปิดได้บินมายังเรือนหอของตนเมื่อแน่ใจแล้วว่าทั่วทั้งตำหนักนั้นมืดสนิทในยามราตรี เทพหนุ่มได้มาหาเจ้าสาวและบอกว่าตนคือเจ้าบ่าวของนาง ทั้งคู่จึงได้ทำพิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์ และทันทีที่แสงอรุณโผล่พ้นขอบฟ้า คิวปิดก็จะจากไซคีไปทันที เพราะกลัวว่าหากนางรู้ว่าตนเป็นกามเทพ ไม่ใช่อสุรกายอย่างที่กล่าวอ้าง เทพีวีนัสอาจจะกลับมาทำร้ายไซคีอีก และหลังจากได้อยู่กินในสภาพเช่นนั้น คิวปิดจึงโกหกมารดาได้ว่าไซคีต้องทรมานกับการมีสวามีอสุรกายดังที่บัญชา
ไซคีรู้สึกผูกพันกับสามีของตนและไม่คิดรังเกียจหากเขาจะเป็นอสูรจริง นางจะคอยเฝ้าเวลาอาทิตย์อัสดงซึ่งเป็นเวลาที่คิวปิดจะมาหา สามีภรรยาต่างรักใคร่กลมเกลียวอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งความสงสัยที่ว่ารูปร่างของสามีตนเป็นอย่างไรก็มารุมเร้าไซคีเพราะความรู้สึกได้บอกว่าสามีของตนไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่กล่าวอ้าง เจ้าหญิงได้ซักถามเพื่อขอดูรูปโฉมของเขา แต่แน่นอน คิวปิดปฏิเสธ และขอสัญญาจากไซคีว่าจะไม่พยายามดูรูปโฉมของเขาเป็นอันขาด
เพราะความเหงาที่จากบ้านมานาน และต้องอยู่คนเดียวตลอดเวลากลางวัน ไซคีจึงขอคิวปิดให้ตนได้พบพี่สาว คิวปิดจึงสั่งให้เทพลมเซฟิโรสไปพัดพาพระพี่นางของไซคีมายังตำหนักยอดเขา พระพี่นางทั้งสองเกิดความอิจฉาน้องนางของตนอย่างสุดหัวใจเมื่อเห็นตำหนักที่สวยงาม และน้องสาวก็ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรที่มีสามีเป็นอสุรกาย จึงได้ยุแยงให้นางหาเทียนมาจุดดูรูปโฉมของคิวปิด และมอบดาบให้นางเพราะหาว่าถ้าอสุรกายนั้นรู้ว่านางผิดสัญญาอาจจะทำร้ายนางได้ เพราะเลือดข้นกว่าน้ำ เจ้าหญิงไซคีจึงหลงเชื่อพระพี่นางของตนเอง
เมื่อยามรัตติกาลมาเยือน คิวปิดก็มาหาชายาสุดที่รักและได้หลับพักผ่อนข้างกายไซคี เมื่อรู้แน่แก่ใจว่าสวามีหลับสนิท ไซคีจึงลุกขึ้นมาจุดเทียนดูรูปโฉมของคิวปิด ปรากฏเป็นชายหนุ่มรูปร่างงดงามยิ่งกว่าชายใดที่นางเคยเห็นมา ผมนุ่มละเอียดสีทอง และปีกขาวสะอาดหนานุ่ม ไซคีมองดูสวามีอยู่นานราวกับต้องมนตร์จนกระทั่งน้ำตาเทียนหยดหนึ่งหยดต้องร่างกายคิวปิดจนเขาสะดุ้งตื่น
คิวปิดโกรธและเสียใจมากที่ไซคีผิดสัญญาแล้วยังคิดฆ่าเขาอีก คิวปิดจึงสยายปีกบินหนีออกนอกหน้าต่าง พร้อมกับบอกไซคีว่า 'หากมีความรักแต่ปราศจากความเชื่อใจ ก็ไม่อาจรักษาความรักนั้นเอาไว้ได้'และประกาศว่าจะลงโทษด้วยการจากนางไป...ตลอดกาล
เจ้าหญิงไซคีร่ำไห้อย่างหนัก จนเมื่อรู้สึกตัวก็รู้ว่าตนเองได้กลับมายังบ้านเมืองของตน ไซคีเสียใจที่ตนกระทำเรื่องเลวร้ายลงไปจึงไม่คิดนิ่งนอนใจอยู่สบายหาสวามีใหม่ นางเดินทางรอนแรมติดตามหาคิวปิดผู้เป็นสวามีอย่างยากลำบาก บุกป่าฝ่าดงเข้าเมืองทั้งที่เป็นงานหนักมากสำหรับหญิงสาวผู้ถูกเลี้ยงดูแบบเจ้าหญิง อีกทั้งไม่ยอมให้มีคนใช้ติดตามอำนวยความสะดวก นับว่าไซคีเป็นหญิงที่ซื่อสัตย์ต่อสวามีอย่างมาก
ขณะเดียวกับที่พระพี่นางทั้งสองรู้สึกสะใจมากกับการเห็นน้องนางของตนถูกทอดทิ้งเหมือนพวกนางในอดีต จึงได้เลิกรากับสวามีของพวกตนเดินทางไปที่ขุนเขาเพื่อไปหาคิวปิดเพราะคิดว่าคิวปิดอาจจะอยากได้ชายาใหม่ แต่ทว่ากามเทพหนุ่มก็มีความรักที่ซื่อตรงต่อเจ้าหญิงไซคีคนเดียวเช่นกัน พวกนางทั้งสองจึงตกเหวตายเพราะคิดว่าเทพลมเซฟิโรสมารับ
ไซคีพเนจรไปเรื่อยจนถึงวิหารเทพีดีมีเทอร์หรือ เซเรสแห่งพืชผล พบว่าของบูชาซึ่งเป็นธัญญาหารต่างๆถูกวางระเกะระกะด้วยชาวไร่ชาวนาที่อ่อนล้าจากการทำงาน นางจึงได้จัดแจงจัดระเบียบพืชผลบูชาจนเรียบร้อย เทพีดีมีเทอร์ชอบใจและสงสารไซคีมากจึงได้ปรากฏตัวและบอกว่านางควรไปขออภัยโทษจากเทพีวีนัสผู้เป็นมารดาของคิวปิด เพราะเมื่อใดที่คิวปิดหลบซ่อน เทพีวีนัสพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะหาเจอ
เทพีวีนัสผู้เคียดแค้นเจ้าหญิงไซคีเป็นทุนเดิมก็ยิ่งโกรธามากกว่าเดิมเพราะมารู้ทีหลังว่าหญิงที่พระนางเกลียดเข้ากระดูกกลับเป็นคนเดียวกับชายาของโอรส พระนางจึงคิดแผนการทำลายเจ้าหญิงคนงามอีกครั้ง โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่า หากเจ้าหญิงไซคีทำงานทั้งสามอย่างสำเร็จ พระนางจะไม่ขัดขวางความรักของไซคีและคิวปิด อีกทั้งจะคุยกับคิวปิดให้หายโกรธ และกลับมาอยู่กับไซคีอีกด้วย
เจ้าหญิงไซคียอมรับข้อเสนอทั้งที่ไม่รู้สักนิดเลยว่าความอันตรายหลายประการกำลังรออยู่เบื้องหน้า คิวปิดซึ่งหลบหนีไปอยู่คนเดียวได้รู้เรื่องเข้าจึงได้รีบมาเฝ้าคอยดูแลชายาของตนอย่างห่างๆไม่แสดงตัว เพราะสัญชาตญาณของกามเทพบอกว่ามารดาของตนไม่มีทางทำตามอย่างที่พระนางลั่นวาจาไว้เป็นแน่
ปราการด่านแรกของเจ้าหญิงไซคี คือการที่เทพีวีนัส บัญชาให้นางแยกเมล็ดธัญญาหารซึ่งมีทั้งข้าวสาร ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวบาร์เล่ย์ ถั่ว และงา ในยุ้งฉางออกแยกจากกันก่อนมืดเพื่อให้นกนางนวลของพระนางได้กิน ไซคีถึงกับนิ่งงันไม่รู้จะคิดอ่านอย่างไรเพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา จะทำเรื่องเกินขีดจำกัดแบบนี้ได้อย่างไร แต่นางก็กัดฟันแยกเมล็ดพืชอย่างยากเย็นเพียงเพราะอยากจะพบกับคิวปิดอีกสักครั้ง
คิวปิดทนดูชายาอย่างทุกข์ทรมานใจ จนในที่สุดก็สั่งให้ฝูงมดเข้าไปช่วยเจ้าหญิงไซคีจนสามารถแยกธัญพืชออกจนครบก่อนมืด เมื่อเทพีวีนัสมาดูผลงานก็เคียดแค้นยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าคนที่คอยช่วยเหลือไซคีอยู่เบื้องหลังก็คือโอรสองค์โปรดของพระนางเอง
เมื่อแผนร้ายแรกไม่สำเร็จ เทพีวีนัสจึงมีบัญชาให้ไซคีไปเก็บขนแกะทองคำจากฝูงแกะขนทองอีกฝั่งของแม่น้ำซึ่งไหลรุนแรงเชี่ยวกราก ไซคียืนอยู่ตรงฝั่งน้ำที่ไหลบ่าอย่างน่ากลัวแถมฝูงแกะก็มีท่าทางโหดร้ายยิ่งนัก โชคดีที่เทพประจำแม่น้ำสงสาร จึงได้บอกให้ต้นกกริมน้ำกระซิบบอกไซคีว่า 'ให้รอจนถึงเย็น แม่น้ำจะไหลเอื่อยช้าลงให้นางข้ามไปได้โดยง่าย พอดีกับฝูงแกะที่อิ่มแล้วก็จะเชื่อง ต้นกกนั้นจะไปเสียดสีเอาขนแกะมาให้ ให้นางเก็บขนทองที่ติดอยู่ตรงต้นกกไปแล้วกัน'เมื่อไซคีทำตามลำดับขั้นตอนก็สามารถทำภารกิจที่สองได้ลุล่วง ส่งผลให้เทพีวีนัสกริ้วมาก
เมื่อแผนประทุษร้ายที่ผ่านมาไม่สำเร็จ เทพีวีนัสจึงฉุกคิดแผนร้ายสุดท้ายมาได้ คือมอบผอบทองคำแก่ไซคี ให้นางไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเพอร์ซิโฟเนเทพียมโลก ซึ่งหมายถึงให้ไซคีไปตาย เจ้าหญิงชาวมนุษย์ท้อแท้ใจอย่างมากที่เทพีวีนัสชิงชังนางมากขนาดนี้ แถมสวามีที่นางทนลำบากเพื่อตามหาก็ไม่เหลียวแลนางแม้แต่น้อย นางจึงปลงใจคิดกระโดเหวเพื่อตายไปยมโลกด้วยทางลัด
คิวปิดตกใจมากเมื่อเห็นชายาจะทำอย่างนั้น จึงกระซิบเอ่ยปลอบประโลมไซคีด้วยความรักอ่อนโยนที่มาจากใจ ทำให้จิตใจที่สิ้นหวังของไซคีมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงปริศนาอันเป็นมิตรแนะนำวิธีไปยมโลกเอาไว้หลายประการ เช่น เดินลัดเลาะไปตามภูเขาที่ลึกที่สุดจนกระทั่งถึงจุดที่เป็นประตูนรก ซึ่งจะมีเซอร์บิรัสสุนัขปีศาจเฝ้าอยู่ ให้เอาขนมปังและเหล้าองุ่นหลอกล่อมัน จากนั้นก็ให้ติดค่าจ้างชารอนให้พาข้ามฟากน้ำสติกซ์ไปยังตำหนักเทพีเพอร์ซิโฟเน และเมื่อได้เครื่องประทินโฉมนั้นมา ห้ามเปิดดูเด็ดขาด
ไซคีทำตามทุกประการ ยกเว้นประการสุดท้าย นางเผลอเปิดผอบดูด้วยความสงสัยซึ่งเป็นปกติของมนุษย์ผู้หญิง (เหมือนกับนาง แพนโดรา) ทำให้ควันประหลาดพุ่งใส่ไซคี ภาพร่างของชายาล้มลงกับพื้นทำให้หัวใจกามเทพหนุ่มแทบหยุดเต้น คิวปิดซึ่งรอคอยนางที่หน้าทางออกจึงรีบโผบินมาเก็บ'ควันมนตราแห่งการหลับใหล'เก็บลงในผอบและปลุกให้ไซคีฟื้นขึ้น
ทั้งสองสามีภรรยาดีใจอย่างสุดซึ้งที่ได้พบกันอีกครั้ง คิวปิดสัญญาว่าจะไม่จากนางไปอีก และตำหนินางเรื่องความสงสัยที่ให้โทษแก่นางมาตลอด ซึ่งไซคีก็ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง คิวปิดได้บอกให้ไซคีไปส่งผอบแก่เทพีวีนัส เพราะเขาก็มีภารกิจสำคัญที่ต้องไปสะสาง
กามเทพหนุ่มบินขึ้นเขาโอลิมปัสเพื่อไปวิงวอนทวยเทพให้เห็นแก่ความรักของเขา ซึ่งเหล่าเทพก็เห็นใจในความทุกข์โศก ความยากลำบาก ความพยายาม ที่คู่รักคู่นี้กระทำเพื่อความรัก เทพซุสจึงขอเทพีวีนัสให้เลิกเกลียดชังไซคีและยอมรับนางเป็นสุณิสาในที่สุด
ทว่าช่วงเวลาชีวิตของมนุษย์นั้นไม่ยืนยาวนัก ไซคีรู้ดีว่านางจำเป็นต้องตายในสักวัน ไม่สามารถจะครองคู่กับคิวปิดซึ่งเป็นเทพตลอดไปได้ คิวปิดไม่อาจทำใจยอมรับได้ว่าต้องสูญเสียไซคีไปอีก เหล่าเทพจึงได้มอบน้ำอมฤตแก่ไซคี ทำให้ไซคีกลายสภาพเป็นเทพีที่ไม่แก่และไม่ตาย และสามารถอยู่ร่วมกับคิวปิดไปตลอดกาล
ทำให้เห็นว่า ความรักที่แท้จริงย่อมต้องมีการฟันฝ่าอุปสรรค ต้องมีความเข้าใจ ความเชื่อใจในความรักแท้ ความเสียสละ ความอดทน และความมั่นคงต่อคนที่เรารัก ดังเช่นตัวอย่างของคิวปิดและไซคีที่ต้องสูญเสียทั้งน้ำตา หยาดเหงื่อ และแรงใจ แต่ในที่สุดก็สามารถประคับประคองช่วยเหลือดูแลกันจนได้รางวัลคือความรักที่มั่นคงจนไม่อาจทำลายได้กลับคืนมา
และนอกจากจะต้องมีสิ่งต่างๆดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ความรัก (eros) ก็ยังต้องอยู่คู่กับจิตวิญญาณ (Psyche)ด้วย หากขาดความรักแล้ว จิตวิญญาณก็จะไม่สามารถมีอยู่ได้ แต่หากขาดจิตวิญญาณก็จะไม่มีความรัก
ท้ายสุด คิวปิดและไซคี มีธิดาด้วยกันหนึ่งองค์คือ เดลิซิโอ (Delicio - รากศัพท์ของคำว่า Delicious) และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขชั่วกาลนาน
ที่มา http://th.wikipedia.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น